อนิจจังความไม่เที่ยง

image

สวัสดีค่ะเพื่อนๆที่น่ารักทุกคน

เมื่อวานซืน ก็ออกไปซื้อของตามปกติค่ะ พอดีไปเจอ บุคคลที่คอยช่วยเหลือครอบครัวของอ้อมมาตลอด ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พี่เขาก็เลยบอกว่าพ่อของสามีเขาเสียชีวิตแล้ว ก็ตกใจเพราะว่า เมื่อไม่นาน เท่าไรพ่อของพี่เขาพึ่งมานั้งคุยที่ร้านอ้อมอยู่เลย ยังดูแข็งแรงในสายตาอ้อมอยู่เลย ... นี่แหละนะชีวิตมันไม่เที่ยงจริงหนอ การที่เราเห็นเพียงแค่ภายนอกเราไม่อาจหยั่งรู้ว่าภายใน หรืออนาคตได้เลย เมื่อครั้งสมัยก่อนตอนอ้อมยังไม่แต่งงาน พี่ และครอบครัวของเขาเป็นคนไปสู่ขออ้อม ให้กับลูกน้องของเขา..คือสามีอ้อมเอง ในสมัยนั้นสามีของอ้อม ช่วยงานในด้านขับแม็คโคร

image

(มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังนะค่ะ ในเรื่องการ ใช้ชีวิตกับการ ขับแม็คโคร เลี้ยงชีพ)
พี่เขาก็บอกอีกว่าให้อ้อมและครอบครัวเข้าไปในงานตอนเย็นๆนะ คุยกันเสร็จเรียบร้อยก็แยกย้ายกันกลับส่วนอ้อมซื้อของตามปกติจน เสร็จเรียบร้อย ก็คุยกับสามีในรถว่า ซื้อของไปให้เขาก่อนไหม สามีก็บอกว่าเห็นด้วยนะเรา ก็เลยขับรถไปซื้อข้าวสาร 1 กระสอบ 50 กิโล พอไปถึงงาน ก็ได้นำเข้าสารเข้าไปให้กับเขา จากนั้นก็ขับรถกลับมาที่บ้าน ได้โทรศัพท์ไปบอกกับ น้องวิ @winutcha และเราได้นัดไปงานศพกันในเวลา 17.40 นาที พอไปถึงงานก็ทานข้าวอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันกลับค่ะ ระหว่างที่เดินทางกลับบ้านก็นั่งคิดอะไรเพลินเพลินมากมาย ที่ผ่านความคิดเข้ามาในหัว
บางทีเราก็ หาความสุขจากความทุกข์ หาความสงบจากความวุ่นวาย เฝ้าดูจิตตัวเองว่า เวลาที่มีอะไรเข้ากระทบแล้ว จะดิ้นตามสิ่งที่กระทบมากน้อยแค่ไหน ....จิตหนอจิต.. เอา จริงๆกันนะคะเพราะจิตของคนเรา กลับร่างกายมันก็แยกเป็นคนละส่วนกัน.. ร่างกาย ขาว ผอม สวย มันเป็นธรรมชาติที่สร้างมาสำเร็จอยู่แล้ว ส่วนจิต อยากสวยอยากขาวอยากผอม. จริงอยู่... แต่ จิตอีกดวงหนึ่งคิดไปคนละทางกันอีก ทำให้มันขัดแย้งอยู่ในใจเราตลอด เพราะจิตใจของเราก็เปลี่ยนอยู่ตลอดไม่สามารถควบคุม ได้ ขนาดตัวเอง ก็ยังควบคุมตัวเองไม่ได้นับประสาอะไรจะควบคุมคนอื่น อ้อมก็เลยพยายามนั่งดูจิต ของใจตัวเอง เพื่อสงบสติอารมณ์ไม่ให้ เพลิดเพลิน ไปตามอารมณ์ที่เข้ามา กระทบ จึงได้เห็นความจริงว่า ในจิตใจของเราเอง ก็มีความคิด ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี วนเวียนสลับไปมาอยู่ตลอดเวลา เราต้องมีสติ เพื่อควบคุมไตร่ตรองความคิดค่ะ