แชร์ประสบการณ์พาลูกไปโรงพยาบาลนครโฮจิมินห์
สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกๆท่าน นึกว่าจะมาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการ ไม่สบายต่างบ้านต่างเมือง
เริ่มจากครอบครัวไปเที่ยวเวียดนามและเราไปเที่ยวสวนสนุกกันโดยที่เล่นของเล่นหลากหลายชนิด รวมถึงเล่นสไลเดอร์ชิงช้าและเล่นน้ำ รวมถึง ค่าเข้าสวนสัตว์และ อควาเรียมเด็กๆสนุกสุดๆทุกอย่างดี และ Happy มากๆในวันนั้น
พอตกเย็นเราก็เดินทางกลับมาที่ห้องพัก. ....แต่ยังไม่พอกลับขึ้นห้องพัก ....กลับพากันไปเล่นต่อ ที่จุดชมวิวหน้าทะเลเพราะที่นั่นมีเครื่องเล่นให้เช่ามากมายเราจึงไปต่อที่นั่นในยามค่ำ
สรุปของไปหายที่นั่นจากนั้นก็มีเรื่องราวตามมาโดยการเราเดินทางตลอดเวลาไปแจ้งความว่างไปหากระเป๋าบ้างไปหาคนนู้นคนนี้จนร่างกายไม่ได้พักผ่อน พอตกดึกแล้วขึ้นห้องไปพักผ่อนแต่ด้วยความกังวลก็พักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอขนาดผู้ใหญ่แล้วเด็กล่ะจะขนาดไหน รุ่งเช้าอีกวันตอนเย็นเราก็ต้องเดินทางไปทำพาสปอร์ตวีซ่าใหม่เดินทางไป 500 กว่ากิโลด้วยรถทัวร์เราซื้อตั๋วนอน กะว่าจะได้ไปนอนบนรถทัวร์แล้วได้พักผ่อน แต่ก่อนขึ้นรถทัวร์ น้องข้าวหอมก็มีอาการตัวอุ่นๆ ก็เลยเดินไปร้านเภสัช ซื้อยาที่ร้านเภสัชให้ลูกทานก็ได้ยามา 2 ตัวเป็นยาแก้ไอกับยาแก้ตัวร้อนขอให้ลูกทานตามที่สั่ง
แต่เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้น
เมื่อรถออก เวลา 19:30 น มันก็เริ่มจะมืด ที่พิเศษก็คือเราซื้อตั๋วชั้นบนโดยไม่คิดว่าจะเป็นแค่เตียงนอนพอดีตัวเรื่องมันก็เลยเริ่มจะยุ่งแล้วสิน้องเข้าห้องนอนคนเดียวเราก็กลัวว่าเด็กจะหล่นลงจากเตียงก็เลยไปนั่งเฝ้าลูกที่ปลายเตียง สลับกับสามี
เมื่อเวลาเดินไปเรื่อย ความมืดมันก็มา พร้อมกับความง่วง
มีบางเวลานึ่ง ชะโงก หลับพอตอตกแล้วก็สะดุ้งตื่น โอ๊ยรู้สึกทรมานสังขารตัวเองมากๆ
แล้วความง่วงก็ได้ไงไป....
เพราะลูกสาวตัวร้อนขึ้นมากและเธอก็ไอด้วยแต่ดีที่ฉันนึกขึ้นได้ว่าฉันพาผ้าขนหนูผืนเล็กๆไปด้วยพร้อมกับน้ำดื่มที่ทางทัวร์แจกมาให้และฉันก็นำติดตัวขึ้นมาบนรถด้วย ฉันเอาผ้าขนหนูออกจากกระเป๋าสามีเอาน้ำขวดเล็กมาให้พรมบนผ้าขนหนูจนเปีย จากนั้นก็เช็ดตัวให้ น้องข้าวหอม โอ้โหความร้อนก็เข้ามาคุมร่างกายของน้องข้าวหอมเธอมีร่างกายที่ร้อนมากๆ
ฉันก็เลยรีบเอายาที่ซื้อมาให้ น้องข้าวหอมทานอีกรอบแต่มันไม่ได้ผลเพราะน้องข้าวหอมทานไปแล้วน้องข้าวหอมก็อ้วกออกมาหมด
ตอนนั้นสภาพของน้องข้าวหอมเธออ้วกจนตัวเกร็งตาแดง
จนทำให้ฉันรู้สึกกลัวมากๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำอะไรไม่ค่อยถูกกลัวลูกจะเป็นอะไรไป...
ในขณะนั้นความง่วงที่ครอบงำไม่ง่วงสักนิดเลย ค่ะ ครับใครมีความทุกข์ที่ครอบงำ ได้แต่ภาวนาว่าให้สว่างเร็วๆๆๆๆๆๆทีเถอะ ทีเถอะ
ฉันกับสามีก็สลับกันอย่างนั้นตลอดเช็ดตัวคอุ้มลูกนวดเท่าที่ทำได้
คิดว่ายาในตอนนั้นคงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะให้ทานกี่ครั้งกี่ครั้งเธอก็อ้วกพอเห็นลูก อยู่ในอาการอ้วก แล้วมันทรมาน
ก็เลยเลือกที่จะเช็ดตัว อย่างเดียวขอแค่ลดไข้ก่อน จากนั้นเวลาผ่านไป ในใจก็คิดอย่างเดียวว่าเวลามันเดินช้าเสียเหลือเกิน
น้องข้าวหอมก็ตัวร้อน มากจนถึงลุกขึ้นนั่งแล้วพูดเพ้อคนเดียว เห็นเลขซ้ํามีพยายามกระตุ้นด้วยการเรียกชื่อเธอเขย่าตัวเธอแต่เธอก็ ไม่ตอบสนองกลับ พูดจาคนเดียว
เป็นภาพที่ฉันและสามีร้องไห้กันเลยค่ะ
ต่างคนต่างโทษตัวเอง ในจังหวะนั้นเราทั้งเรียกลูกให้มีสติแต่ลูกก็ยังพูดพร่ำถึงโรงเรียนพูดคนเดียวหรือไม่ได้ยินเสียงฉันกับสามีเลยฉันรู้สึกเสียใจมากๆที่พาลูกมาเที่ยวในครั้งนี้ฉันได้หันไปบอกสามีอย่างนั้นสามีก็เช่นกันได้แต่พร่ำโทษตัวเองเช่นกันว่าไม่น่าจะตามใจทุกคนได้ถึงขนาดนี้เราต่างคนต่างโทษตัวเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉันพูดไปร้องไป
ดูไม่สนใจถึงคนรอบด้านฉันรู้แต่ว่าเขาคงจะหลับกันทุกคนเหลือแต่ฉันกับสามีนั่งในความมืดอยู่กับลูกที่ไม่สบายและที่สำคัญระยะทางถ้ำกลางทางที่เป็นสวนป่าฉันตัดสินใจอยู่หลายครั้งเราคงจะควรไหมที่จะลงแล้วพาลูกไปหาหมอแต่มองระยะทางริมทางมันมีแต่ป่าเขาลำเนาไพรทั้งนั้นเลย
พร่ำพรรณนาเสร็จ ฉันก็หันไปตามทางนี้อีกครั้งว่าตอนนี้กี่โมงแล้วหรือเวลาเท่าไหร่แล้วสามีเขาบอกว่า 24:00 นหรือเที่ยงคืนนั้นเองฉันว่าทำไมเวลามันเดินช้าอย่างนี้ในใจฉันนึกว่าอย่างน้อยก็ 2:00 น 3:00 นใกล้สว่างแล้วด้วยเวลาที่มันเดินช้ามันทรมานจิตใจมากๆ
ฉันและสามีเช็ดตัวให้ลูกสาวตั้งแต่รถออกจากเมืองญาจาง 19:30 น ถึงนครโฮจิมินห์ ในเวลา 4:00 น ซึ่งบ้านเราก็จะเป็นเวลาที่เรายังพักผ่อนหรือหัวรุ่งนั่นเองฉันไปลงที่ป้ายของรถทัวร์จากนั้นก็ต่อแท็กซี่ไปโรงพยาบาลในนครโฮจิมินห์ซึ่งโรงพยาบาลในที่นั่นจะแยกโดยสิ้นเชิงโรงพยาบาลเด็กและโรงพยาบาลผู้ใหญ่ เรื่องที่จะไปต่อวีซ่ากลายเป็นเรื่องเล็กๆจะที่ทุกแสนทุกที่ลูกพาสปอร์ตหายแต่ พอเจออาการไข้ของลูกสาวคนเล็ก ทุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเด็ก ทุกคนก็มุ่งหน้าอย่างเร่งรีบเพื่อจะพาน้องข้าวหอมไปหาหมอแต่พอเข้าไปในโรงพยาบาลฉันถึงกับตกใจพูดไม่ออกเพราะสภาพของโรงพยาบาลนครโฮจิมินห์ ด้านในมีคนเยอะมากซึ่ง โดยเฉพาะเด็กและที่น่าตกใจคือพ่อแม่หรือญาติๆต่างหิ้วกระเป๋าสพายเป้ฉันหันมองไปรอบรอบมีเปลสำหรับนอน ผูกกับเสาเหล็กในโรงพยาบาล รออะไรสักอย่างฉันไม่อยากจะจินตนาการเห็นภาพก็แค่กลัวบางคนก็หิ้วกระเป๋าใบใหญ่มา ฉันก็มีอาการแบบกลัวๆว่าแค่เขามาหาหมอ ขนาดเวลา 4:00 น ยังมี คนเยอะขนาดนี้เด็กๆที่ไม่สบาย เยอะขนาดนี้ และเขาต้องเอากระเป๋าใบใหญ่มาขนาดนั้นเชียวหรือยิ่งยืนเข้าไปลึกฉันหันหาภาษาเพื่อจะอ่านออกสักภาษาก็ไม่มีมีแต่ภาษาอังกฤษแล้วฉันจะพึ่งใครฉันหันไปฉันก็ร้องไห้ไป ที่น่าตกใจไปกว่านั้นฉันหันมองไปที่ประตูทางเข้าโรงพยาบาลก็มีคนพาเด็กๆมาหาหมอเยอะพอสมควรต่างคนต่างรีบไปเดินเข้าแถวรอ บัตรคิว และที่น่าตกใจไปกว่านั้นที่บัตรคิว มีคนนั่งรอประมาณ 5 แถวยาวๆ ทำให้ฉันยิ่งตกใจอีกเพราะลูกฉันมาแบบอาการตัวร้อนจัดและเพ้อแล้วด้วยทำให้ฉันไม่มีสติสตางค์ที่จะคิดอะไรไม่ออกได้แต่ร้อง
ฉันได้แต่นึกว่าถ้าฉันต้องพาลูกไปเข้าแถวเพื่อรอให้หมอตรวจลูกฉันคงจะไม่รอดแน่ๆคิดได้แค่นั้นในใจฉันอยากจะพาลูกไปหาหมอที่คลินิกเหมือนที่เมืองไทยแต่ที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยคลินิกจะมีไม่มีก็ไม่รู้
ฉันกังวลใจมากๆ
หันไปทางไหนก็มีแต่ผู้คนเขาใช้ภาษาเวียดนามไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษซึ่งพูดคุยกันไม่รู้เรื่องจนมีผู้หญิงสาว ใส่เสื้อยืดกับผ้าถุงสาวใจดีท่านหนึ่งซึ่งเป็นสาวเวียดนามเธอเดินเข้ามาเหมือนฟ้ามาโปรดเลยค่ะฉันรู้สึกแบบนั้นปิติใจมากๆ ปลื้ม ปริมแทบไปกอดเธอเลยเพราะเธอเดินมาบอกว่าให้ไปห้องฉุกเฉินด้วยเป็นภาษาเวียดนามแต่เราก็ฟังไม่รู้เรื่องฉันนะสามีจึงเอาโทรศัพท์แล้วใช้คำแปลจนได้รู้เรื่องว่าเธอบอกให้พาเด็กไปห้องฉุกเฉิน
ฉันและสามีก็ขอบคุณสาวคนนั้นแล้วรีบพาลูกไปยังห้องฉุกเฉิน
เมื่อไปถึงก็เจอพยาบาล 2 ท่านค่ะ
แต่จะทำอย่างไรดี เราบอกอาการของลูกสาวเป็นภาษาอังกฤษพยาบาลก็ฟังไม่รู้เรื่องเขาก็กลัวตามปกติแต่ก็ไม่เข้าใจกันกับอาการที่เกิดขึ้นกับน้องข้าวหอมเราจึงใช้โทรศัพท์ แปลจากภาษาเวียดนามเป็นภาษาอังกฤษจึงได้ตรวจตามอาการ
น้องข้าวหอมมีไข้ 39 นิดๆ เมื่อวานจับน้องข้าวหอมถอดเสื้อผ้าเหลือแต่กางเกงที่สวมใส่ติดตัวอยู่จากนั้นเริ่มจากพยาบาลจัดยาแก้ ไข้ให้ทานทานแบบเรื่อยๆจิบทีละนิดให้ยาซึมเข้าสู่ร่างกาย มันน่าจะ ดูวิธีเพราะเป็นยาตัวเดียวกันกับที่ฉันได้สามีซื้อจากร้านเภสัชในญาจาง ฉันกับสามีให้ลูกกินแบบเดียวหรือไม่ให้กินทีละนิด อันนี้คือข้อผิดพลาด
น้องข้าวหอมทานยาทีละนิดจนหมด ที่พยาบาลสั่งจากนั้นพยาบาลก็ให้สามีไปทำประวัติที่ ช่องต่างๆหลายครั้งส่วนน้องข้าวหอมก็เริ่มจากทานยาตัวก็เริ่มไม่ร้อนจัดเย็นลง
จากนั้นก็ไปเจาะเลือด พอเจาะเลือดเสร็จเรียบร้อยก็ไปอุลตร้าซาวด์ ทุกอย่างอยู่คนละห้องก็ต้องเดินเอาโดยไม่มีภาษาอังกฤษเลยนอกจากตัวเลขเดินไปเดินมาหลายรอบเพราะไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหนหรือตรงไหน เมื่อเสร็จจากอุลตร้าซาวด์เสร็จก็มารอฟังผลเลือดอีกครั้ง
ก็มานั่งรออยู่ ที่หน้าห้องเจาะเลือดอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงแต่น้องข้าวหอมก็รู้สึกชุ่มชื่นร่าเริงเหมือนจะไม่มีไข้แล้วฉันก็เริ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้น
เมื่อได้เพ็ญเอกสารผลตรวจแล้วฉันก็พาลูกไปยังห้องแรกคือห้องพยาบาลห้องฉุกเฉินเหมือนเดิมเมื่อไปถึงก็ใช้สูตรเดิมใช้โทรศัพท์แปลเหมือนเดิมพยาบาลข้อใดอธิบายเกี่ยวกับเรื่องไข้ของน้องข้าวหอมเกี่ยว กับเรื่องใน ท้องของน้องข้าวหอมว่าเธอจะมีอาการท้องเสียหรือไม่ พยาบาลก็ให้ยามา 3 ตัว และพร้อมกับนัดถ้าอาการไม่ดีขึ้นกลับมาที่ โรงพยาบาลในอีก 2 วันข้างหน้า
จากนั้นเราก็กลับมาได้ให้น้องข้าวหอมทานยาตามที่พยาบาลสั่งทุกอย่างอาการเธอก็ดีขึ้นแต่ก็มีไข้ตลอด เมื่อเสร็จจากเรื่องน้องข้าวหอมก็พาลูกคนกลางไปทำวีซ่าเพิ่งจะเดินทางกลับประเทศไทยต่อแต่ฉันไม่ได้ไปหรอกค่ะฉันพักผ่อนอยู่ห้องพักกับน้องข้าวหอมและลูกสาวคนโตส่วนวีซ่าให้พ่อของเขาไปทำให้
จนเราเดินทางมาถึงเมืองไทยจนครบ 2 วัน งั้นก็พาลูกน้องข้าวหอมไปหาหมอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดตรังพร้อมกับเอาผลตรวจเลือดและเอกสารอื่นๆที่ทางด้านโรงพยาบาลนวมินทร์ให้มา
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลของเมืองไทยก่อนอื่นน้องข้าวหอมก็ต้องตรวจน้ำมูกและ รมยา 15 นาที น้องข้าวหอมก็ร้องงอแงตลอดจนเสร็จเรียบร้อยรอไม่นานตรวจก็บอกมาสรุปว่าน้องข้าวหอมเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ A ทางโรงพยาบาลแนะนำให้น้องข้าวหอม นอนที่โรงพยาบาลและได้ จัดยาให้ 3 ตัวเช่นกันแต่ยาจะไม่เหมือนของเก่า ในที่สุดก็ โล่งใจที่ลูกมาถึงเมืองไทยและก็ได้รู้ว่าเป็นไข้อะไร ทานยาตามคุณหมอสั่งจากนั้นก็หายตามปกติค่ะ
วันนี้ก็จบ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนค่ะ
สวัสดีค่ะ🙏🙏🙏